วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551

เก็บตก ฝากส่งงาน อาจารย์ พีระพร Quiz #2

492-04-1041 นายจเร แจ้งจุล

ตอบ

Employee Self Service (ESS) คือ ระบบการบริหารงานบุคคล ระบบใหม่ ทางบริษัทฯ ได้พัฒนามาโดยทำงานภายใต้ Organization หรือ ตามผังองค์กร โดยสามารถแบ่งระดับตามความเหมาะสม ที่ได้จัดทำขึ้นมาเพื่อลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน ด้วยระบบ Work Flow ตามระบบไปยังผู้รับภายในองค์กร เพื่อให้มีความสะดวกรวดเร็ว และตรวจสอบได้ พนักงานสามารถใช้ application ที่เกี่ยวข้องกับการงานข้อมูลของลูกจ้าง เช่น ข้อมูลส่วนตัว สวัสดิการ ค่าล่วงเวลา ค่าตอบแทนต่างๆ โดยทางบริษัทฯ สามารถกำหนดสิทธิการเข้าใช้ของพนักงานได้

ระบบ ESS มี 3 รูปแบบ โดยให้บอกข้อดีข้อด้อย

รูปแบบที่ 1 เป็นแบบที่ Direct to ERP
ข้อดี
Ø Userสามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลได้ด้วยตนเอง
Ø ประหยัดทรัพยากรเพราะระบบมีขนาดเล็ก
Ø ในแต่ละแผนกรับรู้ข้อมูลและสามารถทำความเข้าใจที่ตรงกัน
ข้อด้อย
Ø มีปัญหาด้านความปลอดภัย จึงอาจมีปัญหาข้อมูลรั่วไหลได้
Ø การใช้งานยุ่งยาก

รูปแบบที่ 2 เป็นแบบ Indirect to ERP or other application Read only
ข้อดี
Ø มีการใส่Username และ Password ทำให้มีความปลอดภัย
Ø สามารถทราบได้ว่าใครเป็นคนเข้ามาดูข้อมูล โดยดูผ่าน Username
Ø มีการจัดทำเป็นระบบมากขึ้นแยกแผนกออกจากกัน

ข้อด้อย
Ø มีการใช้งานแบบอ่านได้อย่างเดียวจึงมีข้อจำกัดในการใช้งาน
Ø ระบบมีค่าใช้จ่ายมาก

รูปแบบที่ 3 เป็นแบบ Indirect to ERP or other application
ข้อดี
Ø สามารถแก้ไขข้อมูลและตรวจสอบช่วยลดความผิดพลาดของข้อมูลได้
Ø สามารถทำให้สามารถเก็บ Feedback ได้
Ø ระบบสามารถปรับ แก้ไข เพิ่มเติม ในขั้นตอนการทำงาน

ข้อด้อย
Ø มีค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการบริหารจัดการ
Ø ปัญหาเรื่องความปลอดภัยของระบบจึงต้องมีการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด

ถ้าท่านเลือก Implement ในบริษัทของท่าน จะเลือกรูปแบบไหน เพราะอะไร
- จะเลือก รูปแบบที่ 2 เพราะว่าพนักงานสามารถรับทราบข้อมูลข่าวสารได้พร้อมกัน โดยช่วยลดข้อผิดพลาดด้านการสื่อสาร และสามารถตรวจสอบเอกสารก่อนมีการแก้ไขข้อมูลเพื่อความถูกต้อง

เก็บตก ฝากส่งงาน อาจารย์ พีระพร Quiz #1







วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2551

Mont Saint Michel in France

ช่วงนี้เครียด ๆ เรื่องการบ้านการเมืองบ้านเรากันพอสมควรนะครับ ก็เลยพาไปเที่ยวกันซะหน่อย คราวนี้ไปไกลหน่อยนะครับ ไปฝรั่งเศส กันเลย

พระอารามอันตั้งอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดตื่นตาน่าดูที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เกิดขึ้นเมื่ออัครเทวทูตไมเกิลหรือมิแชลได้มาปรากฎองค์ต่อโอแบร์ต พระราชาคณะ(บิชอบ) แห่งอาวรางช์และมีบัญชาให้สร้างสถานที่เผยแพร่คำสั่งสอนของพระเจ้า บนเกาะที่มีภูเขา เรียกกันในเวลานั้นว่าตองเบ ลักษณะของภูเขาลูกนี้เป็นรูปกรวยคว่ำ สูงเด่นงดงามขึ้นไปจาก หาดทรายชายทะเลของแคว้นบริตตานีในฝรั่งเศส

การก่อสร้างเริ่มแรกทำในระหว่างคริสต์ศักราช 1017-1144 ณ สถานที่อันเป็นที่ตั้งของ โบสถ์เก่าชื่อโนเตรอะดาม-ซู-แตร์ (คุณผู้หญิงใต้ดินของเรา) สร้างกันไปถึงยอดระหว่างสามศตวรรษถัดมา มีการสร้างเพิ่มเติมอยู่เรื่อย ๆ รวมทั้งสถานที่ซึ่งสร้างระหว่าง ค.ศ.1211-1218 เพื่อให้ความสะดวก แก่นักแสวงบุญที่ไปพักแรมคราวละเป็นจำนวนนับพัน

ตึกสร้างแบบศิลปะโกธิคที่เด่นมากคือ ตึกลาแมร์เวย หรือ ยอดมหัศจรรย์ ประกอบด้วย หมู่กุฏิโรงทาน กุฏิโรงรับรอง และเป็นที่เลี้ยงอาหาร มีระเบียงซึ่งตกแต่งไว้อย่างงดงามสวยสดใส ช่วยให้ความงามอันแท้จริงของศิลปะโกธิคเด่นชัดขึ้น

ในสมัยสงครามร้อยปีระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส อังกฤษซึ่งยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของฝรั่งเศส ไว้ได้ ก็มิได้กักกันรังแกผู้ที่จะไปแสวงบุญที่นี้ ซึ้ายังช่วยให้ความสะดวกปลอดภัยอีกด้วย ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 มีการสร้างกำแพงป้อมปราการป้องกันศัตรูอย่างแข็งแรง แทนบางส่วนที่พังทะลายไป ที่สร้างใหม่ล้วนใช้ศิลปะแบบโกธิคทั้งสิ้น ยอดแหลมของโบสถ์ ใหญ่สร้างต่อเติมในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 นี้เอง แต่ยังรักษาศิลปะสมัยกลางไว้อย่างครบถ้วน ดูเหมือนมงกุฎของม่อนผานักบุญมิแชล


รอบ ๆ พระอารามมีหมู่บ้านติดต่อกันไปตามแนวกำแพง ป้องกันข้าศึกที่จะมาจากทางบกและทางทะเล นอกจากกันน้ำขึ้นน้ำลงซึ่งเป็นไปได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ผู้แสวงบุญที่จาริกไปเยี่ยมเยียนพระอารามนี้ส่วนใหญ่ จะมาทางบก ผ่านกำแพงค่ายคูประตูป้อมเข้ามา แล้วก็จะเดินเวียนไปตามทางจากล่างไปบนจนถึงยอดระหว่างทางมีร้านค้า บ้านพักเรือนรับรองที่อยู่ประจำของผู้ดูแลรักษาตั้งแต่เป็นคนธรรมดา บาทหลวงผู้น้อยผู้ใหญ่ จนถึงระดับพระราชาคณะ ปัจจุบันอาคารสถานที่ร้ารรวงได้จัดไว้เป็นสัดส่วน มีที่พัก ภัตตาคาร ร้านขายของที่ระลึกอันทันสมัยสำหรับผู้ไปเยี่ยม ประมาณกันว่าม่อนผานักบุญมิแชล นี้ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราว 400 ฟุต (130 เมตร)