วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ประวัติการเสียดินแดนของไทย

อันนี้ไม่ได้ อยู่ฝั่งไหนนะคับ เพียงแต่เอาประวัติศาสตร์มาให้ดูกันเฉยๆ
อดีตนานมา เป็นอย่างนี้ เลือดบรรพบุรุษราดปฐพี ปูทางมา (T_T)

เสียครั้งแรกเกาะหมากจากแผนผัง เขาเปลี่ยนเป็นปีนังจำได้ไหม นั่นแหละจากขวานทองเล่มของไทย หนึ่งร้อยกว่าตารางไมล์หลักฐานมี
ครั้งที่สองเสียซ้ำยังจำได้ เสียมะริดและทวายตะนาวศรี



ครั้งที่สามบันทายมาศถูกตัดเฉือน แล้วเปลี่ยนเป็นฮาเตียนตั้งชื่อใหม่ ปีสองพันสามร้อยหกสิบสามแสนช้ำใจ เสียเนื้อที่เท่าไรไม่ปรากฎในบทความ

ครั้งที่สี่เจ็บแค้นเสียแสนหวี กินเนื้อที่ถึงเชียงตุงเหนือกรุงสยาม
ตั้งหกหมื่นตารางกิโลโถมันทำ ใครสร้างกรรมเดี๋ยวนี้เห็นดีกัน


ครั้งที่ห้ามาเสียรัฐเปรัค เขาหาญหักผลักล้มเชือดคมขวาน
ปีสองพันสามร้อยหกสิบเก้าแสนร้าวราน ต่างหยิบขวานขึ้นถือกู้ชื่อไทย

ครั้งที่หกอกตรมเดินก้มหน้า เสียสิบสองพันนาน้ำตาไหล
ตั้งเก้าหมื่นกิโลโถทำได้ แทบขาดใจต่อสู้ศัตรูมา



ครั้งที่เจ็ดเสียดินแดนแคว้นเขมร เกิดพิเรนเพราะฝรั่งกำลังบ้า
เที่ยวออกล่าเมืองขึ้นชื่นอุรา เสียอีกหนึ่งแสนกว่าตารางกิโล


ครั้งที่แปดเสียแคว้นดินแดนใหม่ ชื่อสิบสองจุไทยก็ใหญ่โข
เป็นเนื้อที่อีกแปดหมื่นตารางกิโล ต้องร้องโฮใจระเหี่ยเพราะเสียดาย
ครั้งที่เก้าเศร้าแสนแค้นไม่สิ้น เสียลุ่มน้ำสาละวินด้านฝั่งซ้าย
สิบสามหัวเมืองต้องจำเหมาให้เขาไป ใครที่ทำช้ำใจไทยต้องจำ

ครั้งที่สิบเลียบลำแม่น้ำโขง ถูกเขาโกงฝั่งซ้ายเพราะไทยถลำ

ครั้งที่สิบเอ็ดเสียฝั่งขวานั่งหน้าดำ มันเจ็บช้ำฝังจำอยู่กลางใจ

ครั้งที่สิบสองใจรันทดเพราะหมดท่า เสียมณฑลบูรพาอีกจนได้
เขามาพรากจากแหลมทองถิ่นของไทย อีกสองหมื่นตารางไมล์โดยประมาณ

ครั้งที่สิบสามเสียตรังกานูไทรบุรี ในแผนที่มองเห็นเป็นหลักฐาน
ไปถึงปะลิสติดรัฐกลันตัน อีกสามหมื่นโดยประมาณตารางไมล์


ครั้งที่สิบสี่เสียเขาพระวิหาร ปัจจุบันเป็นของเขมรท่านเห็นไหม


จำไว้เถิดเนื้อเชื้อชาติไทย จงรวมใจเข้าร่วมรวมพลัง
เหมือนลงเรือลำเดียวน้ำเชี่ยวจัด ช่วยกันคัดช่วยกันพายให้ถึงฝั่ง
อย่าหันหลังหน้าพะว้าพะวัง คนนั่งกลางเท้าอย่าราลงวารี
เป็นแดนดินถื่นสุดท้ายที่ไทยหวัง ทะเลล้อมรอบข้างหมดทางหนี
ครั้งที่สิบห้าต่อไปอย่าให้มี ใครย่ำยีข่มขู่จงสู้มัน
เราจะถอยต่อไปไม่ได้แล้ว ผืนแผ่นดินสิ้นแนวทะเลกั้น
ขวานเล่มนิดฤทธิ์ฉกาจเคยฟาดฟัน ระบือลั่นว่าไทยรักสามัคคี
เหล่าอมิตรที่คิดครองเมืองทองข้า จำสัตย์จาข้าลั่นลงอย่าสงสัย
แม้ผู้ใดหมายปองครอบครองไทย จงเอาไปหากแผ่นดินนี้สิ้นคน
วันใดพ่ายแก่ไพรี วันนั้นปฐพีไม่มี....กู


















วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ผีข้าวมันไก่ น่ากลัวมากๆๆ

เรื่องน่ากลัวมากๆๆๆๆๆๆๆ

มีชายคนหนึ่งที่บ้านทำมาหากินด้วยการขายข้าวมันไก่ ซึ่งบ้านนี้จะมีธรรมเนียมสืบทอดกันต่อ ๆมาว่า เมื่อเจ้าของกิจการตาย ผู้ที่เป็นลูกชายจะต้องทำการสืบทอดกิจการนี้ต่อจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งบ้านนี้ก็ทำเช่นนี้มาตลอดถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจทำก็ตาม
จนวันหนึ่งพ่อของชายคนนี้เสียชีวิตลง เขาก็จำเป็นต้องสืบทอดกิจการร้านข้าวมันไก่ต่อจากพ่อของเขา ทุก ๆอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี จนมาถึงวันครบรอบการตายของพ่อเขา วันนั้นที่ร้านขายดีมากๆ แบบที่ไม่เคยขายดีขนาดนี้มาก่อน
ได้มีเด็กผู้หญิงคนนึงซึ่งเธอเป็นลูกค้าประจำของร้าน มาซื้อข้าวมันไก่ไปกินเป็นอาหารเย็น ตอนนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้ แสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า เจ้าของร้านก็รีบทำให้เด็กผู้หญิงเพราะเริ่มมืดแล้ว เธอยังต้องเดินไปบ้านเธออีกไกล เด็กผู้หญิงก็รีบเดินกลับไปบ้าน ด้วยหวังว่าจะได้อร่อยกับข้าวมันไก่ แต่เมื่อเธอมาถึงบ้านและเปิดดูในกล่องข้าว ปรากฏว่ามีแต่ข้าว ไม่มีไก่แม้แต่ชิ้นเดียว!!! เธอแปลกใจมาก หลังจากนั้นเธอก็เดิน ออกไปเพื่อซื้อข้าวมันไก่อีกครั้ง แต่คราวนี้เธอจับตามองดูเจ้าของร้านอย่างใจจดใจจ่อ เพราะกลัวว่าเจ้าของร้านจะโกงเธอ แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติ เธอก็รีบเอาข้าวมันไก่กล่องนั้นกลับบ้านทันที เมื่อมาถึงบ้านเธอก็รีบเปิดกล่องข้าวมันไก่ทันที แต่แล้ว.....ก็ไม่พบไก่แม้แต่ชิ้นเดียวเหมือนเดิม
อากาศรอบข้างตอนนั้นเงียบสงัด เยือกเย็น ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงแง้มประตู เธอเริ่มกลัว แต่ทว่า เสียงนั้นเป็นเสียงพ่อของเธอกำลังเปิดประตูบ้านเดินเข้ามา เธอจึงส่งเสียงเรียกพ่อของเธอ

เด็กผู้หญิง : (เสียงสั่น) พ่อจ๋า พ่อมาดูอะไรนี่สิพ่อ หนูซื้อข้าวมันไก่ มา 2 กล่อง แต่มันไม่มีไก่แม้แต่ชิ้นเดียว ทั้ง ๆ ที่เจ้าของร้านเขาก็ใส่ไก่มาให้แล้ว (เสียงเครือเหมือนจะร้องไห้ด้วยความกลัว)พ่อของเธอทำหน้าแปลกใจ แล้วครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ทันใดนั้นพ่อของเธอก็กลับกล่องข้าวมันไก่แล้วเปิดดูทันที

พ่อ : อีเด็กโง่ เอ๊ย มึงนี่โง่จริง ๆ ทีหลังเปิดกล่องให้ถูกด้านสิวะ ไก่มันอยู่ฝั่งนี้โว้ย เดี๋ยวตบดิ้นเลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เพื่อน สำคัญเสมอ

เราอ่านแล้วอดอมยิ้มไม่ได้เล้ย....


++ อาหาร ++
เพื่อน: ข้าว ราดแกง / ก๋วยเตี๋ยว ราคาไม่เกิน 30 แดกไรแพงๆวะ เปลืองชิบ
แฟน: กินอะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่ ข้าว - สปาเก ตตี้ เฟรนฟรายซ์ ซูชิ ฯลฯ สั่ง กันไป… มื้อละร้อยขึ้น
---------------- ----------
++ ข้ามถนน ++
แฟน: ข้ามได้ มั้ย ระวังนะครับ! จับมือผมไว้
เพื่อน: ………อ้าว! เหี้ย… รอกูด้วย(แม่งข้าม ไปนานละ)
--------------------------
++ เวลาเดิน ++
แฟน: แนบชิด ประหนึ่ง ตัวดูดแบบสุญญากาศ
เพื่อน: เฮ้ย! ไปไกลๆกูหน่อยดิ ร้อนจะตาย ห่า!!
--------------------------
++ บนรถ เมล์ ++
แฟน: นั่งก่อนเลย ครับ เดี๋ยวผมยืนเอง
เพื่อน: เหยิบหน่อยดิวะ กูจะนั่งด้วย!
--- ---------------------- -
++ เงิน ++
แฟน: มี เสมอ..จ่ายไม่อั้น
เพื่อน: ไม่มีเสมอ... มึงออกไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูให้( แร้วแม่งก็ชิ่ง)
------------- -------------
++ มา สาย ++
แฟน: ไม่เป็นไรครับ ผมรอ ได้
เพื่อน: ทำห่าไรอยู่ วะ มาโคตรช้าเลย สาด ...เลี้ยงข้าวกูเลย(เพิ่งจะมา ก่อนแม่ง ได้ 5 นาทีเหมือน กัน)
------------------------- -
++ ช่วยทำธุระ ++
แฟน: ว่าง เสมอ - อ๋อ ว่างครับ จะให้ไปถึงที่นั่นกี่โมงดี จะได้เตรียมตัวล่วง หน้า
เพื่อน: ไม่เคยว่าง - ขนของย้ายห้องเหรอวะ .. เออ...ที่จริงก็ได้นะ แต่พอดีแม่ กูให้ช่วยพาไปหาญาติๆฝ่ายแม่ว่ะ แล้วบ่ายๆ ต้องไปหาของฝ่ายพ่อ อีก คงไม่ว่างแล้วละ
-------------------------
++ กลับบ้านดึก ++
แฟน: เดี๋ยวผมนั่งรถไปส่ง ดีกว่านะ กลับคนเดียว อันตราย
เพื่อน: กลับยังไงวะมึง มีค่ารถป่าว แต่กูไม่ มีให้ยืมนะ เว้ย
--------------------------
++ ป่วย ++
แฟน: เป็นไรมากมั้ย? กิน ยายัง คับ ห่มผ้าด้วยนะ(แม่งดูแลแม่อย่างนี้ป่าววะ)
เพื่อน: เป็นห่าไรอีกวะ สำออ ยอะดิมึง… ออกมาให้ไวเลย แดกเหล้ากัน
-------------------------- -
++ สอนหนังสือ ++
แฟน: ไม่เข้าใจตรงไหนบอกนะ ครับ จะอธิบายให้ใหม่
เพื่อน: กูสอนมึง 3 รอบแล้วนะ ห่านี่ แดกหมาแทนข้าวไง วะ
--------------------------
++ วาเลนไทน์ ++
แฟน: ให้คุณได้ ทุกอย่าง ยก เว้น ดาว เดือน และ ขนหน้าอก
เพื่อน: ……………(วันนี้มันไม่มีตัว ตน)
---- ----------------------
++ โดน ทิ้ง ++
แฟน: เราไปกันไม่ได้ / อย่า มายุ่งกับเรา / ไปไหน ก็ไปรำคาญ (so sad)
เพื่อน: ไม่เป็นไรเว้ย! ช่างแม่ง … มึงยังมีกู อยู่

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ประตู 7 บานของ Cirque du Soleil

ประตู 7 บานของ Cirque du Soleil
รศ.ดร. ศิริยุพา รุ่งเริงสุข สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้เขียนได้เปิดตัว Cirque du Soleil (Circus of the Sun) สู่สายตาของท่านผู้อ่านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งท่านคงได้เรียนรู้จากกรณีศึกษาของ Cirque ว่า ต้องฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามนานัปการอย่างไร กว่าจะมาเป็น Cirque du Soleil คณะแสดง Circus สมัยใหม่ที่ปัจจุบันมีพนักงาน 3,500 คน โดยเป็นพลเมืองมาจากชาติต่างๆ ถึง 40 ชาติ ตระเวนแสดงโชว์ปีละ 15 ครั้ง ในทุกทวีปทั่วโลก มีรายได้ประมาณปีละกว่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพียงแค่การแสดงของ Cirque ที่ลาสเวกัสเพียงเมืองเดียวก็มีคนดูมากกว่า 9,000 คน ในแต่ละคืนกล่าวได้ว่าตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา Cirque สามารถพัฒนาฝีมือของนักแสดง เทคนิคแสง สี เสียง เอฟเฟกต์ ฉาก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ฯลฯ จนทำให้การแสดงของ Cirque สมบูรณ์แบบที่สุด สวยงามด้วยศิลปะขั้นสุดยอด น่าตื่นตาตื่นใจสมเป็นโชว์ระดับโลกในปัจจุบันนี้...
ความผิดพลาด คือ บทเรียนอันล้ำค่า
ในปี 1984 สมัยก่อตั้งคณะ Circus ใหม่ๆ Cirque มีพนักงานเพียง 73 คนเท่านั้น และด้วยความที่มีงบประมาณจำกัดทำให้ Guy Lalibert้ และ Daniel Gaulthier ไม่สามารถมีเต็นท์เป็นของตนเองได้ เวลาจะแสดงแต่ละครั้งก็ต้องเช่าเต็นท์มากาง บางครั้งมีฝนตกหนักน้ำขังบนหลังคาเต็นท์ทำให้หลังคาถล่มลงมาระหว่างการแสดง ก็มี เวลาตกอับหนักๆ เข้าไม่มีแม้แต่เงินจะโฆษณาติดป้ายให้คนมาชมการแสดง ผู้บริหารต้องแต่งชุดตัวตลกเดินไปเร่โฆษณาด้วยปากเปล่าในเมืองก็ทำมาแล้ว นี่ถ้าไม่ใช่เพราะใจรักในศิลปะด้านนี้จริงๆ ทั้ง Lalibert้ และ Gaulthier คงถอดใจเลิกแสดง Circus ไปขายฮอตดอกแทนไปนานแล้วก็ไม่รู้! และยังดีที่รัฐบาลท้องถิ่นของมณฑลควิเบกในแคนาดาได้ให้ความสนับสนุนด้านการ เงินมาเป็นระยะๆ จึงช่วยประคับประคองมิให้ Cirque ล้มแผละไปก่อน และสามารถพัฒนาตนเองจนประสบความสำเร็จในที่สุด
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 20 กว่าปี ที่โลดแล่นลุ่มๆ ดอนๆ ในธุรกิจการแสดง Circus ทำให้ Cirque สามารถสรุปหลักกลยุทธ์ที่สร้างความสำเร็จให้องค์กรได้อยู่ 7 ประการที่ Cirque เรียกว่าประตู 7 บาน ที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และช่วยให้ผู้นำขององค์กรสามารถรังสรรค์วิสัย ทัศน์สู่อนาคต ("Sculpt a vision of the future") ได้ ซึ่งหลักการทั้ง 7 นี้ ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือขึ้นในปี 2006 หนังสือนี้มีชื่อว่า "The Spark : Igniting the Creative Fire That Lives Within Us All" ท่านผู้ใดสนใจก็ลองไปหาซื้อมาอ่านดูนะคะ
หลักการประตู 7 บาน
จริงอยู่ที่ Cirque du Soleil เป็นคณะแสดง Circus แต่เราต้องไม่ลืมว่าการแสดง Circus นี้ก็คือ การบริหารธุรกิจชนิดหนึ่ง ซึ่งผลิตภัณฑ์ (Product) ของธุรกิจคือ สร้างความบันเทิงและความพอใจให้คนดูนั่นเอง และนับวันธุรกิจด้านบันเทิงก็ได้มีการพัฒนาตนเองให้เป็นธุรกิจที่มีความแข็ง แกร่งขึ้นทุกขณะ และเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับผู้บริหาร นักแสดง และคนทำงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในวงกว้าง ดังนั้น ธุรกิจการแสดงและบันเทิงจึงไม่ใช่ธุรกิจของ "พวกเต้นกินรำกิน" ที่ปู่ย่าตายายของเราเคยมองว่าเป็นอาชีพที่ฉาบฉวยไม่มั่นคงอีกต่อไป แต่เป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใสน่าจับตามองและน่าศึกษาวิธีการบริหาร
การบริหารธุรกิจบันเทิงก็เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องมีโครงสร้าง วิสัยทัศน์ หลักกลยุทธ์ ค่านิยมในการบริหาร ทั้งนี้ Lyn Heward ซึ่งเป็น Ambassador and Executive Producer for Special Projects ของ Cirque ได้นำเสนอประตู 7 บานตามลำดับ ดังนี้
ประตูบานที่ 1 : Great Expectations (มีความคาดหวังอันยิ่งใหญ่) ที่ Cirque พนักงานทุกคนได้รับการเคารพว่าเขาต่างมีความคิดสร้างสรรค์เป็นของตนเอง ดังนั้น เมื่อ Cirque มีความเคารพและให้เกียรติพนักงาน Cirque ก็มีความคาดหวังสูงว่าพนักงานจะรู้ว่าตนเองต้องทำอะไร รู้ว่ามาตรฐานของ Cirque เป็นอย่างไร ต้องสร้างความแตกต่างอย่างไร โดยไม่ต้องให้ใครมาสั่งให้ทำ ให้คิด
ประตูบานที่ 2 : Surrender to your senses (ยอม...รับในความรู้สึกของคุณเถอะ) ธุรกิจการแสดงของ Cirque เป็นการสื่อซึ่งศิลปะอันประณีต ไม่ว่าจะเป็นลีลาการเต้น การแสดงกายกรรม ซึ่งต้องอาศัยพละกำลังความแข็งแกร่งผนวกกับลีลาทางศิลปะ ซึ่งทำให้การแสดงกายกรรมไม่ดูเหมือนการเล่นพลศึกษาธรรมดาๆ ดนตรีประกอบการแสดง เรื่องราวต่างๆ ที่ถ่ายทอดผ่านตัวตลก เครื่องแต่งกาย การจัดฉาก แสง สี ต่างๆ ทุกองค์ประกอบของการแสดงคือ ศิลปะ ซึ่งทุกคนในทีมงานต้องมีความคิิดสร้างสรรค์และถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานที่ไม่ ซ้ำแบบใคร Cirque จึงมีปรัชญาในการทำงานที่กระตุ้นให้พนักงานใช้ความรู้สึก (Sense) หรือการหยั่งรู้ (Intuition) ของตนเอง ให้เชื่อในความรู้สึกของตัวเองแล้วสร้างผลงานตามความรู้สึกนั้น
ประตูบานที่ 3 : Treasure hunting and creative transformation (ปฏิบัติการตามล่าสมบัติและการแปลงสมบัติที่สร้างสรรค์) ต้องขออภัยหากแปลเป็นภาษาไทยแล้วไม่สละสลวย ไม่โดนใจเท่าที่ควร ยอมรับค่ะว่าแปลภาษาแนวติสต์ๆ นี่แปลยาก อย่างไรก็ตามสรุปความได้ว่า Cirque มองว่าบุคลากรคือ สมบัติ (Treasure) ที่มีค่า และเนื่องจาก Cirque มีรากฐานจากการเป็นนักแสดงเร่ที่แสดงตามถนนหนทางมาก่อน ซึ่งนักแสดงที่แสดงตามถนนได้ต้องมีคุณสมบัติพิเศษบางประการคือ ต้องมีความมั่นใจสูง กล้าเสี่ยง ทั้งนี้ ลองจินตนาการว่าจู่ๆ คุณต้องไปยืนตามฟุตปาทแล้วไปแสดงอะไรเพื่อให้คนสนใจมาดู...ยากมั้ยล่ะคะ? ดังนั้น Cirque จึงตามล่าหาบุคลากรที่เป็นคนกล้าเสี่ยง (Risk-taker) นี่แหละค่ะ จากนั้นพอได้ตัวมาก็จะทำการอบรมฝึกฝน แปลง (Transform) คุณสมบัตินั้นให้ฉายแสงยิ่งขึ้น
ประตูบานที่ 4 : Nurturing Environment (สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้) สภาพแวดล้อมที่ Cirque พิจารณาว่าเหมาะสมในการบ่มเพาะสนับสนุนให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์คือ สภาพแวดล้อมที่เปรียบเหมือนสนามเด็กเล่น (Playground) ซึ่งจำเป็นจะต้องมีกฎระเบียบอยู่บ้าง แต่ก็จะมีน้อยที่สุดเพื่อให้บรรดาศิลปิน ช่างเทคนิค และพนักงานทั้งหลายสามารถมองโลกด้วยสายตาของเด็ก เพราะเด็กจะมีความกระตือรือร้น อยากรู้ อยากเห็น กล้าลอง ขี้เล่น ไม่กลัว หรือระวังตัวจนเกร็งเหมือนผู้ใหญ่ ด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้แหละที่ทำให้บุคลากรของ Cirque มีความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานการแสดงที่มีศิลปะชั้นสูง
ประตูบานที่ 5 : Constraints, Challenges, Differences And Consumer Expectations (เรียนรู้ที่จะจัดการกับข้อจำกัด สิ่งท้าทาย ความแตกต่างและความคาดหวังของลูกค้า) เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ในกลุ่มผู้ถือหุ้นของ Cirque ว่าพนักงานของ Cirque ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ บรรดาศิลปินหรืออาร์ติสต์นี้ ไม่ชอบบริหารงานเกี่ยวกับงบประมา
ณ ไม่ชอบการที่ต้องทำงานตามเส้นตาย (Dead Lines) แล้วก็ไม่ชอบที่ต้องมีทรัพยากรที่จำกัด อย่างไรก็ตามในโลกของการทำงาน เราย่อมหนีเรื่องนี้ไปไม่พ้น ทุกๆ คนต้องคำนึงถึงงบประมาณ ข้อจำกัด วันกำหนดส่งงานที่กระชั้น ลูกค้าที่มีความต้องการหลากหลายไม่รู้จบ... Cirque จึงสอนให้พนักงานรู้จักเผชิญหน้ากับข้อจำกัดและสิ่งท้าทายต่างๆ นี้ ซึ่งมันเป็นผลดีแก่พนักงาน เพราะในที่สุดพวกเขาก็เรียนรู้ที่จะจัดการกับมันอย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังสามารถสร้างผลงานได้มากกว่าเดิมเสียอีกเมื่อมี ทรัพยากรจำกัด!
ประตูบานที่ 6 : Risk taking ; Do you ever get burned? (รู้จักเสี่ยง, เคยถูกไฟลวกไหม?) Lyn Heward กล่าวว่า งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ล้วนเริ่มมาจากการมีความกล้า (Courage) กล้าลองสิ่งใหม่ๆ และถ่ายทอด หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์นั้นกับผู้อื่น โชว์ของ Cirque ในหลายๆ โชว์มีฉากน่าหวาดเสียว มีการใช้เอฟเฟกต์ต่างๆ ซึ่งถ้าพลาดก็หมายถึงนักแสดงต้องเจ็บตัวไม่มากก็น้อย มีครั้งหนึ่งนักแสดงถูกไฟลวกขณะซ้อมการแสดง เขาได้รับบาดเจ็บมาก แต่ก็ยังยืนยันที่จะแสดงในรอบจริง บทเรียนจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทำให้ทีมงานเรียนรู้ที่จะระมัดระวังมากขึ้นและรู้จักรับมือกับเหตุฉุกเฉิน อย่างไร "การที่องค์กรไม่กล้าเสี่ยง นั่นคือจุดเสี่ยงที่สุดขององค์กร" คือ บทสรุปจาก Cirque
ประตูบานที่ 7 : Keep it fresh (รักษาความสดเอาไว้) ธุรกิจบันเทิง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าคือ ขายความบันเทิง ดังนั้น จึงต้องมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ มานำเสนออยู่เรื่อยๆ จะฉายหนังเก่าซ้ำซากอีกหน่อยคนดูก็เบื่อ ดังนั้น Cirque ต้องรักษา "ความสด" ของการแสดงไว้เสมอ อายุของโชว์แต่ละโชว์ก็มีจำกัด วิธีเช็กปฏิกิริยาของคนดูของ Cirque คือ บรรดาผู้บริหารระดับสูงจะต้องนั่งชมการแสดงของตนเองในทุกรอบปะปนไปกับคนดู ทั่วไป แล้วคอยสังเกตท่าทีและเงี่ยหูฟังคำวิจารณ์ของคนดู ประตู 7 บานนี้ ถือเป็นปราการแห่งความมั่นคงที่ทำให้ Cirque วิวัฒน์ตนเองจาก Circus ธรรมดาๆ เป็นโชว์ระดับโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืนมากว่า 20 ปี ถือเป็นประตูแห่งบทเรียนและโชคลาภที่ธุรกิจอื่นๆ น่าจะแง้มประตูของตนเองมาดู Cirque du Soleil บ้างนะคะ

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551

10 อันดับโทรศัพท์มือถือที่"แพง"ที่สุดในโลกเหงราคาแล้วซีดเลย คิดเป็นเงินไทย คูณด้วย 33 นะจ๊ะ


1. Goldvish "Le million" = $1,000,000 (33 ล้านบาท)
2. Vertu Signature Cobra = $310,000 (10,230,000 บาท)
3. Sony Ericsson Black Diamond = $300,000 (9,900,000 บาท)
4. Vertu Diamond = $88,000 (2,904,000 บาท)
5. Motorola V220 Special Edition = $51,800 (1,709,400 บาท)
6. Gold Edition Nokia 8800 Phone = $2,700 (89,100 บาท)
7. Mobiado Professional EM (wood) = $1,900 (62,700)
8. Bang & Olufsen (Samsung) Serene = $1,250 (41,250 บาท)
9. Lamborghini 8800 Sirocco from Nokia = (ไม่ระบุ)
10. Gresso Luxury Phone = (ไม่ระบุ)
อรรถกถา เรื่องพระโปฐิลเถระ ว่าด้วย รู้มากแต่เอาตัวไม่รอด

อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท มรรควรรคที่ ๒๐
๕. เรื่องพระโปฐิลเถระ [๒๐๘]
ข้อความเบื้องต้น

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระนามว่าโปฐิละ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "โยคา เว" เป็นต้น.

รู้มากแต่เอาตัวไม่รอด

ดังได้สดับมา พระโปฐิละนั้นเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกในศาสนาของพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป. พระศาสดาทรงดำริว่า "ภิกษุนี้ ย่อมไม่มีแม้ความคิดว่า "เราจักทำการสลัดออกจากทุกข์แก่ตน เราจักยังเธอให้สังเวช."

จำเดิมแต่นั้นมา พระองค์ย่อมตรัสกะพระเถระนั้น ในเวลาที่พระเถระมาสู่ที่บำรุงของพระองค์ว่า "มาเถิด คุณใบลานเปล่า, นั่งเถิด คุณใบลานเปล่า, ไปเถิด คุณใบลานเปล่า แม้ในเวลาที่พระเถระลุกไป ก็ตรัสว่า "คุณใบลานเปล่าไปแล้ว."
พระโปฐิละนั้นคิดว่า "เราย่อมทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎกพร้อมทั้งอรรถกถา บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป ถึง ๑๘ คณะใหญ่ ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น พระศาสดายังตรัสเรียกเราเนืองๆ ว่า "คุณใบลานเปล่า" พระศาสดาตรัสเรียกเราอย่างนี้ เพราะความไม่มีคุณวิเศษ มีฌานเป็นต้นแน่แท้."

ท่านมีความสังเวชเกิดขึ้นแล้ว จึงคิดว่า "บัดนี้ เราจักเข้าไปสู่ป่าแล้วทำสมณธรรม" จัดแจงบาตรและจีวรเองทีเดียว ได้ออกไปพร้อมด้วยภิกษุผู้เรียนธรรม แล้วออกไปภายหลังภิกษุทั้งหมดในเวลาใกล้รุ่ง. พวกภิกษุนั่งสาธยายอยู่ในบริเวณ ไม่ได้กำหนดท่านว่า "อาจารย์." พระเถระไปสิ้น ๑๒๐ โยชน์แล้ว, เข้าไปหาภิกษุ ๓๐ รูป ผู้อยู่ในอาวาสราวป่าแห่งหนึ่ง ไหว้พระสังฆเถระแล้ว กล่าวว่า "ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม." พระสังฆเถระ. "ผู้มีอายุ ท่านเป็นพระธรรมกถึก สิ่งอะไรชื่อว่าอันพวกเราพึงทราบได้ ก็เพราะอาศัยท่าน, เหตุไฉน ท่านจึงพูดอย่างนี้?" พระโปฐิละ. ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงอย่าทำอย่างนี้ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม.
วิธีขจัดมานะของพระโปฐิละ

ก็พระเถระเหล่านั้นทั้งหมด ล้วนเป็นพระขีณาสพทั้งนั้น. ลำดับนั้น พระมหาเถระส่งพระโปฐิละนั้นไปสู่สำนักพระอนุเถระ ด้วยคิดว่า "ภิกษุนี้มีมานะ เพราะอาศัยการเรียนแท้." แม้พระอนุเถระนั้นก็กล่าวกะพระโปฐิละนั้น อย่างนั้นเหมือนกัน. ถึงพระเถระทั้งหมด เมื่อส่งท่านไปโดยทำนองนี้ ก็ส่งไปสู่สำนักของสามเณรผู้มีอายุ ๗ ขวบผู้ใหม่กว่าสามเณรทั้งหมด ซึ่งนั่งทำกรรมคือการเย็บผ้าอยู่ในที่พักกลางวัน. พระเถระทั้งหลายนำมานะของท่านออกได้ด้วยอุบายอย่างนี้.

พระโปฐิละหมดมานะ
พระโปฐิละนั้นมีมานะอันพระเถระทั้งหลายนำออกแล้ว จึงประคองอัญชลีในสำนักของสามเณรแล้วกล่าวว่า "ท่านสัตบุรุษ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผม."
สามเณร. ตายจริง ท่านอาจารย์ ท่านพูดอะไรนั่น ท่านเป็นคนแก่ เป็นพหูสูต เหตุอะไรๆ พึงเป็นกิจอันผมควรรู้ในสำนักของท่าน พระโปฐิละ.
ท่านสัตบุรุษ ท่านอย่าทำอย่างนี้ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผมให้ได้.
สามเณร. ท่านขอรับ หากท่านจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้ไซร้ ผมจักเป็นที่พึ่งของท่าน.
พระโปฐิละ. ผมเป็นได้ ท่านสัตบุรุษ, เมื่อท่านกล่าวว่า "จงเข้าไปสู่ไฟ" ผมจักเข้าไปแม้สู่ไฟได้ทีเดียว.

พระโปฐิละปฏิบัติตามคำสั่งสอนของสามเณร
ลำดับนั้น สามเณรจึงแสดงสระๆ หนึ่งในที่ไม่ไกล แล้วกล่าวกะท่านว่า "ท่านขอรับ ท่านนุ่งห่มตามเดิมนั่นแหละ จงลงไปสู่สระนี้." จริงอยู่ สามเณรนั้น แม้รู้ความที่จีวรสองชั้นซึ่งมีราคามาก อันพระเถระนั้นนุ่งห่มแล้ว เมื่อจะทดลองว่า "พระเถระจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้หรือไม่" จึงกล่าวอย่างนั้น.
แม้พระเถระก็ลงไปด้วยคำๆ เดียวเท่านั้น.
ลำดับนั้น ในเวลาที่ชายจีวรเปียก สามเณรจึงกล่าวกะท่านว่า "มาเถิด ท่านขอรับ" แล้วกล่าวกะท่านผู้มายืนอยู่ด้วยคำๆ เดียวเท่านั้นว่า "ท่านผู้เจริญ ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง มีช่องอยู่ ๖ ช่อง, ในช่องเหล่านั้น เหี้ยเข้าไปภายในโดยช่องๆ หนึ่ง บุคคลประสงค์จะจับมัน จึงอุดช่องทั้ง ๕ นอกนี้ ทำลายช่องที่ ๖ แล้ว จึงจับเอาโดยช่องที่มันเข้าไปนั่นเอง, บรรดาทวารทั้งหก แม้ท่านจงปิดทวารทั้ง ๕ อย่างนั้นแล้ว จงเริ่มตั้งกรรม๑- นี้ไว้ในมโนทวาร." ด้วยนัยมีประมาณเท่านี้ ความแจ่มแจ้งได้มีแก่ภิกษุผู้เป็นพหูสูต ดุจการลุกโพลงขึ้นแห่งดวงประทีปฉะนั้น. พระโปฐิละนั้นกล่าวว่า "ท่านสัตบุรุษ คำมีประมาณเท่านี้แหละพอละ" แล้วจึงหยั่งลงในกรชกาย๒- ปรารภสมณธรรม.
____________________________
๑-๑. คำว่า กรรม ในที่นี้ ได้แก่ บริกรรม หรือกัมมัฏฐาน.
๒-๒. แปลว่า ในกายบังเกิดด้วยธุลี มีในสรีระ.

ทางเจริญและทางเสื่อมแห่งปัญญา
พระศาสดาประทับนั่งในที่สุดประมาณ ๑๒๐ โยชน์เทียว ทอดพระเนตรดูภิกษุนั้นแล้วดำริว่า "ภิกษุนั้นเป็นผู้มีปัญญา (กว้างขวาง) ดุจแผ่นดินด้วยประการใดแล, การที่เธอตั้งตนไว้ด้วยประการนั้นนั่นแล ย่อมสมควร." แล้วทรงเปล่งพระรัศมีไป ประหนึ่งตรัสอยู่กับภิกษุนั้น ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๕. โยคา เว ชายตี ภูริ อโยคา ภูริสงฺขโย
เอตํ เทฺวธา ปถํ ญตฺวา ภวาย วิภวาย จ
ตถตฺตานํ นิเวเสยฺย ยถา ภูริ ปวฑฺฒติ.
ปัญญาย่อมเกิดเพราะการประกอบแล, ความสิ้นไปแห่ง ปัญญาเพราะการไม่ประกอบ, บัณฑิตรู้ทาง ๒ แพร่งแห่งความเจริญและความเสื่อมนั่นแล้ว พึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้.

แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โยคา ความว่า เพราะการกระทำไว้ในใจโดยอุบายอันแยบคายในอารมณ์ ๓๘.
คำว่า "ภูริ" นั่น เป็นชื่อแห่งปัญญาอันกว้างขวาง เสมอด้วยแผ่นดิน.
ความพินาศ ชื่อว่า ความสิ้นไป.
สองบทว่า เอตํ เทวฺธา ปถํ คือ ซึ่งการประกอบและการไม่ประกอบนั่น.
บาทพระคาถาว่า ภวาย วิภวาย จ คือ แห่งความเจริญและความไม่เจริญ.
บทว่า ตถตฺตานํ ความว่า บัณฑิตพึงตั้งตนไว้ โดยประการที่ปัญญา กล่าวคือภูรินี้จะเจริญขึ้นได้.
ในกาลจบพระคาถา พระโปฐิลเถระตั้งอยู่ในพระอรหัตแล้ว ดังนี้.
ที่มา:ธรรมะสวัสดี

คำถาม กวน ๆ

พอลล่ากระโดดลงไปในน้ำแล้วทำไมผมไม่เปียก?
ตอบ เพราะผมยืนดูพอลล่าอยู่ข้างบน ไม่ได้โดดลงไปด้วย

รู้ไหม ใครเป็นพ่อของพลอย เชอร์มาลย์?
ตอบ หนุ่ม กรรชัย เพราะ กรรชัย กำเนิดพลอย

หยาดเข้าโรงพยาบาล แล้วหยาดเป็นอะไร?
ตอบ "หยาด" เป็นประธาน ("เข้า" เป็นกริยา และ"โรงพยาบาล" เป็นกรรม)

ไหว้น้ำท่าอะไร ต้องใส่หมวกกันน็อค?
ตอบ ท่าจะบ้า

มดอะไรกัดเจ็บที่สุด?
ตอบ มดทอระยิด (มิตรทรยศ)

ชมรมดนตรีกลัวอะไร?
ตอบ ชมรมจิ๊กซอ (เอาซอไปเครื่องดนตรีก็ไม่ครบดิ)

กำอะไรเอ่ย ไว้กินกับส้มตำ?
ตอบ กำซิก ผวนเป็น กิ๊กซำ ซำ(some) ภาษาอังกฤษ แปลว่า บ้าง กิ๊กซำ ก็เป็น กิ๊กบ้างกิ๊กบ้าง ก็ ก้างบิ๊กก้างบิ๊ก ก็ ก้างใหญ่ก้างใหญ่ ก็ ไก่ย่าง โอ้ย เหนื่อย

สแคร์รู๊ท 3 ส่วน h เท่ากับเท่าไหร่?
ตอบ ต้นไม้ตาย เพราะ 3 = three หาร h ก็เหลือ tree ต้นไม้ต้นไม้ถอดรากออก ก็ กลายเป็นต้นไม้ตาย 555

รถ TOYOTA รุ่นไหนคันเล็กที่สุด?
ตอบ โตโยต้า อันติ๊ด

คาถาอะไรช่วยประหยัดค่าโทรศัพท์?
ตอบ พุทธโธ - พุธโทร (วันพุธค่อยโทร วันอื่นห้ามโทร)

ปลาอะไรเอ่ย ขี้เกียจ?
ตอบ ปลาวาฬ (ชอบวาน ไม่ยอมทำเอง)

หมาอะไรเอ่ย ขึ้นต้นมะพร้าวได้?
ตอบ หมาพยายาม

ผลไม้อะไรเรียนเก่ง?
ตอบ ผลไม้เกรด A

รู้ไหมว่าถ้าฉันเป็นควาย ฉันอยากให้เธอเป็นอะไร?
ตอบ เป็นโคลน ฉันจะได้จมปลัก รักเธอไง

แมวอะไรเอ่ย ห้ามขับ?
ตอบ แมวเล้า (เมาแล้ว)

มีกษัตริย์องค์หนึ่งมาเจอกับชายหนุ่ม จึงถามชายหนุ่มว่าอายุเท่าไหร่แล้ว ชายหนุ่มตอบว่า 18 ครับ แล้วท่านล่ะ กษัตริย์ตอบว่า 40 เวลาผ่านไป 10 ปี ทั้งคู่ก็มาเจอกันอีก กษัตริย์ถามชายหนุ่มว่าตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว 28 ครับ แล้วท่านล่ะ กษัตริย์องค์นั้นตอบว่า 40 ทำไมเวลาผ่านไป 10 ปีแล้ว แต่กษัตริย์องค์นี้จึงอายุเท่าเดิม?
ตอบ เพราะกษัตริย์ ตรัสแล้วไม่คืนคำ

ปลาช่อนเป็นลูกใคร?
ตอบ ไก่แก่ เพราะไก่แก่ แม่ปลาช่อน

ไก่อะไรเป็นฆาตกร?
ตอบ ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง

มันอะไรเอ่ยข้างนอกสีแดง ข้างในสีเขียว?
ตอบ มันมีซะที่ไหนล่ะ

สมมติวันนี้แมนยูฯ แตะกับ เชลซี คุณจะเชียร์ข้างไหน เพราะอะไร?
ตอบ ข้างสนาม เพราะเชียร์ในสนามไม่ได้ หุหุ

ถ้าหายใจไม่ออกคุณต้องทำอย่างไร?
ตอบ หายใจเข้า (ก็หายใจออกจนสุดแล้วก็ต้องหายใจเข้าอ่ะดิ)

สมมติมีรถจักรยานอยู่คันนึง นาย ก นั่งหน้า นาย ข นั่งกลาง นาย ค นั่งหลัง ใครเป็นเจ้าของรถ?
ตอบ สมมติ

รถชนกับเรือจะเป็นอะไร?
ตอบ เป็นไปไม่ได้

สมมติว่าแมวผสมกับยีราฟจะเป็นอะไร?
ตอบ เป็นเรื่องสมมติ

นักกีฬาเกลียดอะไร?
ตอบ สถิติ เห็นมีแต่คนจะทำลาย

ทำไมแปรงสีฟันถึงหาย?
ตอบ สบู่ลักส์

ปลาอะไรไม่มีสัมมาคาราวะ?
ตอบ ปลาตาย (มันไม่ไหว้)

ไก่ 1 ตัวมี 2 ขา แล้วไก่ 2 ขา มีกี่ตัว
??????? 1ตัวนะสิฟร้อยยยส์สสส???????

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ศิลปะจากทราย





































วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Noodle Lover # 6


ร้านก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ้เต่า อร่อยเด็ด!! นานกว่า 40 ปี

ร้านก๋วยเตี๋ยวหลอดในซอยเล็กๆ แต่ความอร่อยเด็ดไม่แพ้ใคร! เปิดขายมานานกว่า 40 ปี สืบทอดตั้งแต่รุ่นแม่จนถึงรุ่นลูกลูกค้ามาเยือนอุกหนุนตรึม!!
"สมัยก่อนก๋วยเตี๋ยวหลอดไม่มีเครื่องพวกนี้ แต่เรานำมาปรับปรุงใหม่ ใส่หมู ปลาหมึกเข้าไป ทุกอย่างเป็นสูตรพิเศษของครอบครัว รสชาติไม่เหมือนที่อื่นแน่นอน "
เจ้เต่า หรือ จิตติมา ไตรสุธรรมพร เจ้าของร้านเล่าถึงความเป็นมาของทุกอย่างเธอพิถีพิถันในรายละเอียด ตั้งแต่เส้นก๋วยเตี๋ยวหลอด ที่สั่งทำพิเศษจากตลาด "สั่งเป็นม้วน โรยกุ้งแห้งมาเสร็จ ซื้อมาถึงหั่นขายได้เลย เดี๋ยวนี้ไม่ตัดขายแล้วมันช้า แล้วมานึ่ง นึ่งต้องนึ่งพิเศษซึ้ง 4 ชั้น เว้นไว้ 1 ชั้นล่าง เพื่อไม่ให้น้ำโดนเส้นก๋วยเตยี๋ ว เพื่อให้เส้นก๋วยเตี๋ยวชั้นอื่นๆ มีความเหนียวและไม่เกาะเปน็ ก้อน ซื้อกลับบ้าน เส้นก็ไม่เกาะติดกัน สังเกตได้ว่าร้านไหนใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวค้าง แม้จะไม่เสีย แต่เส้นจะแตก กินแล้วแหยะๆ ไม่อร่อยถั่วงอกเวลาลวก ต้องลวกน้ำเดือดๆ ใส่เกลือ ช่วยให้ถั่วงอกกรอบ ต้นสวย น่ากิน และไม่มีค้างเก็บไว้ขาย เพราะถั่วงอกสั่งสดๆ ทุกวัน ถ้าใช้ถั่วงอกค้างมันจะเน่าจากโคนขึ้นมา เวลากินมันไม่กรอบ เหนียว หมู ใช้เนื้อติดเอ็น ติดมัน กินแล้วอร่อย หอม เวลาหมักเราจะต้องผัดหมูเครื่องสูตรพิเศษแค่พอสุก และเก็บไว้ในตู้เย็น 2 วัน และเอาออกมาต้ม น้ำที่ได้จากการต้มจะมีรสชาติออกๆ เค็ม เมื่อเอามาหมูมาต้มเราจะเติมน้ำลงไปเพิ่มอีกประมาณ 30 % เป็นน้ำซุปราด ทว่า ไม่ใส่เครื่องปรุงอะไรอีกแล้ว นอกจากซีอิ้วดำ แต่งสีหน่อยเดียว ปลาหมึก ไม่แช่ค้างคืน แช่น้ำไว้ 1 ชั่วโมง แล้วเอาไปแช่กับใบชา น้ำแข็ง มันจะทำให้ปลากหมึกกรอบหอม หวาน ไม่เหมือนปลาหมึกแช่ในตลาด ไชโป้ ตัดหัว ตัดหาง แล้วเอาไปสับ ก่อนลงผัด ซึ่งจะผัดไม่แห้งมาก ถ้าแห้งมากจะไม่หอม หวาน กระเทียมเจียวซื้อมาแต่ต้องเอามาราดด้วยน้ำมันหมูเดือดๆ ให้มันกรอบ เพราะถ้าเจียวด้วยน้ำมันหมูทันที และเก็บไว้หลายวันมันจะเหม็นหืน!!
เคล็ดลับความอร่อยนอกจากเครื่องสูตรพิเศษแล้ว เจ้เต่า บอกว่า ซื้อของทุกอย่างต้องใส่ใจเป็นพิเศษ และไม่ใช้ของค้างเวลาขายก็ต้องทำทุกอย่าให้มันเดือด สุก สะอาด และทำคุมทุกอย่างเองหมด


ที่ตั้ง : เยาวราช ถนนผดุงญาติ ซอยเท็กซัส ตรงข้ามกับร้านแฟมมิลี่มาร์ท
ราคา : ราคาชุดเล็ก 20 บาท กลาง 25 พิเศษ 30
เปิด : 08.00 – 17.00

Noodle Lover # 5


ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง 30 ปี


สำหรับก๋วยเตี๋ยวหลอดนั้น สามารถดัดแปลงใส่เครื่องได้ตามความชอบใจ เนื่องจากเครื่องราดคือพะโล้ ดังนั้น ... แต่ละร้านก็อาจจะมีเครื่องราดไม่เหมือนกัน เนื้อหมู ,หมูสามชั้น,ไข่นกกระทา,เต้าหู้,ปลาหมึกกรอบ,ปลาหมึกแห้ง , ขาไก่ , น่องไก่เล็ก ฯลฯ เรียกว่าอะไรที่สามารถนำไปต้มพะโล้ ใช้ได้หมด ส่วนเครื่องประดับ ก็มีเห็ดหอม, ทอดมัน,กุนเชียง,ปูอัด เพื่อตกแต่งให้ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่องพราว น่ารับประทาน
ก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ้านี้ ขายอยู่ที่บริเวณคลองถม ขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อและแม่ จนมารุ่นลูก ลูกชายและลูกสาวสืบทอดขายต่อในปัจจุบัน นับจากรกรากแห่งแรก จนมาอยู่ประจำที่นี่ เบ็ดเสร็จนานร่วม 30 ปีและใช้สูตรนี้มาตลอด เครื่องประดับสร้างสีสันจานอร่อยคือ ทอดมัน ,ไข่เป็ดพะโล้ และกุนเชียง นอกเหนือจากหมู 3 ชั้น, เต้าหู้ และกากหมู
"ขายทุกวัน แต่วันธรรมดาแม่จะไม่ได้ออกมา เพราะอ้วนมาก จะมาขายเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น ส่วนวันธรรมดาลูกๆจะเป็นคนขายพ่อเป็นคนคิดสูตรนี้ขาย ไม่เคยถามพ่อเหมือนกันว่า ทำไมต้องมีทอดมัน แต่ที่ใช้ไข่เป็ด เพราะฟองโต เวลาแกะเปลือกไข่จะง่ายและสวยได้รูปกว่าไข่ประเภทอื่น น่ารับประทาน "

ที่ตั้ง ถนนเจริญกรุง ย่านคลองถม
ราคา จานละ 25 บาท
เปิดขาย 9.00 – 17.00 น.

ท่านคิดยังไงกับพันธมิตรประชาธิปไตย

อยากขอความเห็นครับ อยากได้ความคิดของ พี่ ๆ น้อง ๆ ว่าคิดเห็นยังไงกับ พันธมิตรประชาธิปไตย

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Noodle Lover # 4

รักก๋วยเตี๋ยวหลอด ต้องไม่พลาด 3 ร้านนี้






เฮียหลอก๋วยเตี๋ยวหลอดเซี่ยงไฮ้


เรียกชื่อเฉพาะว่า "ก๋วยเตี๋ยวหลอดเซี่ยงไฮ้" แต่ไม่ได้ใช้เส้นเซี่ยงไฮ้ เพราะก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้นั้น ต้องห่อ นึ่งและกินเลยทันทีไม่สามารถค้างได้ ดังนั้น... เส้นก๋วยเตี๋ยวของที่ร้าน..จะสั่งพิเศษให้มีคุณสมบัติ บางกว่าแผ่นก๋วยเตี๋ยวทั่วไป และตัดรูปสี่เหลี่ยมให้ได้ขนาด ห่อพอดี ก๋วยเตี๋ยวห่อไส้ต่างๆนั้น ประยุกต์ก๋วยเตี๋ยวสูตรห่อถั่วงอกสมัยก่อน แต่ก๋วยเตี๋ยวห่อถั่วงอกนั้นมีข้อด้อยตรงที่ถั่วงอกและเต้าหู้ไว้นานไม่ได้ จะเปรี้ยวและเสียได้ง่าย ดังนั้นจึงประยุกต์มาสอดไส้ผักอื่นแทน ขายอยู่ตอนนี้ มีไส้กะหล่ำปลี,กุยช่าย,หน่อไม้,มันแกวและเผือก เส้นละ 7 บาท แต่ร้านนี้เริ่มขายมาร่วม 20 ปีตั้งแต่สมัย ก๋วยเตี๋ยวหลอดเซี่ยงไฮ้ราคาเส้นละ 4 บาทเท่านั้น ห่อวันต่อวันไส้ผักเหล่านี้จะมีส่วนผสมของเห็ดหอมซอยเป็นเส้นและหมูสับ โดยคลุกเคล้าปรุงรสและผัดให้สุกด้วยไฟอ่อนๆ เสร็จแล้วตั้งพักไว้จนเย็นและคั้นเอาน้ำผักออกจนแห้งดี แล้วจึงตักใส่แผ่นแป้งและห่อจนได้รูปแท่ง "ถ้าไม่บีบน้ำออกก่อน แป้งห่อจะแตกตั้งแต่ยังไม่นึ่งด้วยซ้ำ" ตอนขายจะนำแท่งก๋วยเตี๋ยว มานึ่งให้ร้อน นำกรรไกรมาตัดพอดีคำ ราดด้วยน้ำซอสและกระเทียมเจียว น้ำซอส ผสมด้วย ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว น้ำเชื่อม น้ำส้มสายชู จนให้ความเปรี้ยว หวานเค็ม พอเหมาะ สำคัญกว่านั้นคือลดความหวานของน้ำตาลด้วยน้ำซุปที่ได้จากน้ำคั้นผักต้มกระดูกหมูก๋วยเตี๋ยวหลอดเซี่ยงไฮ้ หากสนใจจะซื้อไปกินวันรุ่งขึ้น ทางร้านจะจัดแบบที่ยังไม่ได้นึ่งให้ !! และผู้บริโภค ควรรู้ว่า กะหล่ำปลี มันแกว ไว้นานได้ไม่เกิน 1 วันเท่านั้น แต่กุยช่าย ,หน่อไม้,เผือก ไว้นานได้ 2 – 3 วัน

ที่ตั้ง ถนนเยาวราชฝั่งซ้ายมือ ปากซอยอิศรานุภาพ
ราคา เส้นละ 7 บาท
เปิดขาย 19.00 – จนกว่าของจะหมด ระหว่าง 22.00 - 24.00 น

Noodle Lover # 3


ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ เจ.ซี 30 ปี

อร่อย ไม่ต้องปรุง !!เปิดขายมานานกว่า 30 ปี เย็นตาโฟร้านดั้งเดิมตั้งขายอยู่บริเวณสนามเด็กเล่นข้างยุวสมาคมแห่งประเทศไทย หรือที่เขาเรียกกันว่า J.C. เลยทำป้ายชื่อร้านว่า J.C. ต่อมามีเหตุให้ย้ายที่ขายเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาตั้งขายที่บริเวณศาลาแดง และใช้ชื่อ J.C.เพื่อบ่งบอกถึงที่มา"คนที่มากินเย็นตาโฟส่วนใหญ่ เขาจะไม่ใส่เส้นมาก แต่จะเน้นที่เครื่องมากกว่า" ประชา ธรรมธวัชชัย เจ้าของร้าน ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ เจ.ซี. กล่าว เย็นตาโฟมันจะอร่อย เครื่องต้องครบ ทั้งปลาหมึกกรอบ ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง ฮือก้วย(เส้นปลา) เต้าหู้ทอด เฉพาะเต้าหู้ทอด ทางร้านจะบีบน้ำมันออก ก่อนนำไปลวก เพื่อไม่ให้มีกลิ่นเหม็นหืน ทั้งยังไม่นิยมหั่นเต้าหู้ไปทอดกรอบอย่างที่บางร้านนิยมทำกัน ผักบุ้งลวกที่จะต้องกะเวลาให้พอดีไม่แช่นานเกินไป จึงจะได้ผักบุ้งที่สุก กรอบ และไม่เหนียว ซอสแดง สูตรของ J.C. จะไม่ผสมเต้าหู้ยี้ แต่เลือกใช้ซอสที่มีส่วนผสมจากมะเขือเทศแทน ส่วนเครื่องปรุงทางร้านก็จะทำเอง เช่น พริกป่นคั่วเอง พริกน้ำส้มปั่นเอง น้ำซุป หวานน้ำต้มกระดูกหมู และปรุงรสจนได้ที่
ก๋วยเตี๋ยวแต่ละชาม ไม่ต้องปรุงรสเพิ่ม มีรสชาติเสร็จสรรพทั้งรสเปรี้ยว หวาน เผ็ด เค็มพอดี


ที่ตั้ง ตรงข้ามบ้านพักกรุงเทพคริสเตียน ศาลาแดง ซอย 2
ราคา ชามละ 25 บาท พิเศษ 30 บาท ใส่ถุง 30 บาท พิเศษ 35 บาท
เปิดขาย 06.00-09.20 น. และเวลา 10.00-13.20 น.
โทร. 0-1814-9547,0-2238-2259

Noodle Lover # 2


ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ธนิยะ 10 ปี



เนื้อไก่ต่างจากก๋วยเตี๋ยวไก่ร้านอื่นตรงที่ไก่เนื้อแน่น ไม่ยุ่ย

เคล็ดลับ ไม่ใช้ไก่อ่อน ไก่สาว แต่ใช้แม่ไก่แก่ซึ่งสั่งตรงจากโรงไก่ เพราะให้คุณสมบัติของเนื้ออย่างที่ว่า แต่ละวันใช้ไก่ขั้นต่ำ 40 ตัว เวลาที่ล้าง ไก่ต้องใช้เกลือเป็นตัวช่วย นำเกลือมาละลายในน้ำแล้วค่อยเอาไก่ลงเพื่อทำให้ไก่ไม่คาว ลองคำนวณแล้วกันว่า ไก่ 40 ตัวแล่เนื้อเป็นชิ้นเล็กๆจะได้เนื้อมากขนาดไหน และร้านนี้คนแน่นและหมดทุกวัน น้ำซุปสีเหลือง รสเข้มถึงรส ทว่ากลมกล่อมเหลือหลาย !! รสชาติของน้ำซุปที่ผ่านการต้มไก่ในแต่ละวันกว่า 100 กิโลกรัมรวมกับกระดูกและชิ้นมะระหมูในหม้อเดียวกันที่ผ่านการต้มนานกว่า 2 ชั่วโมง ตัดรสชาติให้กลมกล่อมด้วยกระเทียมดอง พร้อมกับเพิ่มน้ำตาลกรวด เกลือ ซีอิ๊วขาวและซอสปรุงรส ฉะนั้น... น้ำซุปจึงคงความเข้ม นุ่มลิ้น ชนิดที่ไม่ต้องปรุงแต่งก็รับประทานได้ รู้จักกันในนาม "ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ธนิยะ" เนื้อไก่ที่ถูกหั่นมาเรียบร้อยนั้นจะแยกส่วนของเนื้อ หนัง และเครื่องใน ลูกค้าสามารถเลือกสั่งได้ ราคามิตรภาพ เพราะชามปกติ ปริมาณของเส้นก๋วยเตี๋ยวและเนื้อไก่นั้นเทียบเท่ากับชามพิเศษของร้านอื่นช่วงนี้ เนื่องจากไก่ตามสเปกของร้านค้าขาดตลาด จึงต้องมีไก่ตัวผู้เข้ามาเสริมบ้าง "ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ธนิยะ"เปิดขายในย่านธนิยะพลาซ่ามานานราว 10 ปี เลื่องลือความอร่อยจากปากต่อปาก จนลูกค้าในแถบสีลม – สุรวงศ์รู้จักกันทั่ว ตั้งแต่ชาวออฟฟิศไปจนถึงคนกลางคืนแถบธนิยะ พัฒนพงษ์

ทีเด็ด กินก๋วยเตี๋ยวแห้ง (เส้นอะไรก็ได้) ขอน้ำซุปแยกต่างหาก เพื่อให้รู้ถึงความอร่อยของก๋วยเตี๋ยว – เนื้อไก่และน้ำซุปที่ซดได้คล่องคอ



ที่ตั้ง เยื้องกับห้างธนิยะ พลาซ่า สีลม
ราคา ชามละ 25 บาท พิเศษ 30 บาท
เปิดขาย 14.00-20.00 น. ทุกวัน
**********



วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Noodle Lover




เรื่องของคนชอบ(มี)เส้น แถมยังต้องเป็น "เส้นใหญ่" อีกต่างหาก เพราะฉะนั้น พวกเส้นอื่นๆก็จะลดหลั่นความสำคัญลงไปเพราะมื้อนี้ต้องการแค่มีคำว่า "ก๋วยเตี๋ยว" กับ "เส้นใหญ่"เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องหรือข้องแวะกับเกาเหลา ข้าวเปล่าความจริงเรื่องของคำว่า "ก๋วยเตี๋ยว กับเส้นใหญ่" นั้นมีอยู่มากมายหลายประเภท แม้แต่เส้นอื่นๆ เช่น เส้นเล็ก, เส้นหมี่ , เส้นจันท์,หมี่โคราช ก็จัดเป็น"ก๋วยเตี๋ยว"เหมือนกัน เพียงแต่วันนี้ขอเลี่ยงที่จะกล่าวถึง แต่ถ้าคุณไม่ชอบเส้นใหญ่ ก็อาจจะเลือกสั่งเส้นอื่นตามอัธยาศัยส่วนขึ้นต้นด้วย "ก๋วยเตี๋ยว"นั้นมีมากโข อาทิ ก๋วยเตี๋ยวหมู , ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ,ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ , ก๋วยเตี๋ยวทะเล,ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อ, ก๋วยเตี๋ยวเป็ด, ก๋วยเตี๋ยวไก่,ก๋วยเตี๋ยวบก, ก๋วยเตี๋ยวเรือ,ก๋วยเตี๋ยวแกง,ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่,ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า,ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊ว, ก๋วยเตี๋ยวหลอด ฯลฯ มากโขขนาดนี้ ขอจำกัดแค่แนะนำก๋วยเตี๋ยวบางประเภทเท่านั้นคือ ก๋วยเตี๋ยวน้ำ(ลูกชิ้นปลา,เย็นตาโฟ และไก่) ,ก๋วยเตี๋ยวหลอด และก๋วยจั๊บ เท่านั้น

*****************
เจ้าเด็ดก๋วยเตี๋ยวหลากรูปแบบ

นิวยืนยง ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา 60 ปี


ก๋วยเตี๋ยวน้ำ น้ำซุปต้องหวาน กลมกล่อม นุ่มลิ้น สำคัญต้องมีกลิ่นหอม สะอาด และซดเมื่อร้อน
ขายก๋วยเตี๋ยวมานานถึง 60 ปีจากรุ่นก๋งจนถึงรุ่นหลาน ย่อมไม่ใช่ร้านอร่อยปกติธรรมดาแน่นอน
น้ำซุปที่คนจีนใช้ศัพท์เรียกว่า เชงๆ นั้นหมายถึง กลิ่นและรสไม่เทน้ำหนักไปรสใดรสหนึ่ง และรับรู้ด้วยกลิ่นและรสที่สะอาด
"น้ำซุปใส่กระดูกหมูตามปกติเหมือนอย่างร้านทั่วๆไปที่ทำกัน แต่พิเศษกว่าร้านอื่น ข้างบ้านเขาทำหมูหยอง น้ำที่ใช้หลังจากต้มหมูจนเปื่อย แล้วมันจะมีความหวานอยู่ ผมก็ขอเขาเพื่อจะเอามาผสมกับน้ำต้มลูกชิ้นปลา กลายเป็นน้ำซุปรสชาติอย่างที่ได้อย่างที่เห็น "
สุวัฒน์ กมลวรานนท์ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวนิวยืนยง บอกเคล็ดลับ "น้ำซุป" บะหมี่ และลูกชิ้นทำเอง ยกเว้นเส้นใหญ่ เส้นเล็กที่สั่งจากตลาด ฉะนั้น ... เส้นบะหมี่จึงสดวันต่อวัน
ลูกชิ้นปลาทำเองโดยใช้ส่วนผสมของปลา 3 ชนิดคือ ปลาอินทรี, ปลาดาบ และปลาหางเหลืองมารวมกันเป็นเนื้อเดียวโดยใช้เปอร์เซ็นต์ของเนื้อปลาหางเหลืองมากหน่อยเพื่อเพิ่มความเหนียว หยุ่น โดยไม่ต้องใส่สารเด้ง ส่วนเกี๊ยวปลานั้นคลุกพิเศษด้วยน้ำมันงาเพื่อเพิ่มความหอม น่ารับประทาน ลูกชิ้นกุ้ง คนส่วนใหญ่ชอบกินมากเพราะทำจากเนื้อกุ้งล้วนๆ












ที่ตั้ง 103 - 105 ถนนทรงสวัสดิ์ ใกล้ปากทางที่จอดรถเฉลิมบุรี
ราคา ชามเล็ก 35 บาท ชามใหญ่ 50 บาท
ลูกชิ้นปลา กลม – แบนร้อยละ 250 บาท (ลูกละ 2.50 บาท) ลักบี้ ร้อยละ 300 บาท (ลูกละ 3 บาท)
เปิดขาย 08.00-21.30 น.
โทรศัพท์ 0-2224 – 4212